วันอาทิตย์ , กันยายน 8 2024
Breaking News
Home / ลดน้ำหนัก / 4 เทคนิค ลดน้ำตาลสำหรับคนติดหวาน

4 เทคนิค ลดน้ำตาลสำหรับคนติดหวาน

ของหวานแสนอร่อย เป็นใครก็ชอบกินค่ะ ซึ่งหลายคนก็มีนิสัยที่ชอบกินของหวานล้างปากหรือบางคนก็ชอบกินของหวานระหว่างมื้อ แต่รู้หรือไม่ว่าโดยปกติแล้วเราควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 4-8 ช้อนชาต่อวัน หากเราบริโภคมากกว่านั้นก็อาจจะทำให้เราติดหวานและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วนหรือแม้แต่โรคไขมันสูงค่ะ

เพราะน้ำตาลที่ร่างกายรับเข้าไปจนมากเกินกว่าจะเผาผลาญได้หมดนั้นจะกลายเป็นไขมันสะสมและยังส่งผลทำให้เราแก่ก่อนวัยและผิวพรรณไม่สวยได้ ซึ่งสำหรับใครที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาติดหวานอยู่และอยากจะลดการกินน้ำตาลลงให้ได้ วันนี้เราก็มี 4 วิธีง่าย ๆ มาแนะนำทุกคนค่ะ

4 เทคนิคลดน้ำตาลสำหรับคนติดหวาน

จิบน้ำเปล่า

การเลือกจิบน้ำเปล่าเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวันสามารถช่วยลดความอยากกินอาหารวาน ๆ ได้ค่ะ เพราะเมื่อเราดื่มน้ำนั้นเราจะรู้สึกอิ่มและทำให้ไม่อยากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นขนมหรือเครื่องดื่มหวาน ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการขาดน้ำ กระตุ้นการเผาผลาญและยังช่วยบำรุงผิวพรรณได้ด้วย

กินอาหารให้อิ่ม

สำหรับคนที่ชอบกินขนมหวานระหว่างมื้อ การเลือกกินอาหารในแต่ละมื้อให้อิ่มก็สามารถที่จะช่วยให้เราลดความหวานออกจากร่างกายได้ค่ะ เพราะเมื่อเรากินอาหารอิ่มแล้วก็จะไม่อยากกินขนมระหว่างมื้ออีก ทำให้เราสามารถตัดน้ำตาลออกจากร่างกายไปได้ ซึ่งก็สามารถส่งผลต่อการลดน้ำหนักได้ค่ะ

กินผลไม้หลังมื้ออาหาร

การเลือกกินผลไม้หลังมื้ออาหารก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้เราลดการกินน้ำตาลได้ค่ะ แต่อย่างไรก็ตามเราควรเลือกกินผลไม้ที่รสไม่หวานมากอย่างชมพู่ แอปเปิ้ล ฝรั่ง และควรจำกัดปริมาณในการกินสักประมาณ 1 อุ้งมือเล็ก ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินค่ะ

ค่อย ๆ ลดการกินของหวาน

การค่อย ๆ ฝึกตัวเองให้ลดของหวานนั้นสามารถทำให้เราลดได้แบบไม่เครียดค่ะ รวมถึงการค่อย ๆ ลดยังช่วยให้เรามีนิสัยที่เปลี่ยนไปในระยะยาวได้ด้วย ดังนั้นก่อนที่จะหักดิบเลิกกินของหวานหรือเลิกกินน้ำตาล เราก็อาจจะใช้วิธีค่อย ๆ ลดการกินลงมา จากคนที่เคยกินขนมทุกวัน ก็อาจจะลดลงเป็นอาทิตย์ละ 2 – 3 วันในระยะแรก และค่อย ๆ ฝึกตัวเองให้ลดลงไปเรื่อย ๆ ค่ะ

ขอบคุณที่มา : women

Facebook Comments

Check Also

ลดความอ้วนผิด ๆ เสี่ยงต่อปัญหาด้านจิตเวช

“โรคอ้วน” เป็นป …