อนุมูลอิสระคืออะไร ทำไมสารต้านอนุมูลอิสระจึงจำเป็น
อนุมูลอิสระ คือ โมเลกุลในร่างกายที่ไม่สมดุล ซึ่งเกิดขึ้นได้จากกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกาย และปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น แสงแดด มลภาวะ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ โดยสารอนุมูลอิสระจะก่อตัวในร่างกายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องมีสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อรักษาสมดุลในร่างกาย แต่เมื่อใดที่ร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอ อนุมูลอิสระก็จะสามารถสร้างความเสียหายต่อ DNA และเซลล์อื่นๆ ในร่างกาย ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและเกิดโรคต่างๆ ได้
อนุมูลอิสระ ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร
- เมื่ออนุมูลอิสระมีมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนี้
- ดวงตาเสื่อมสภาพ ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง
- เร่งกระบวนการแก่ ทำให้แก่เร็วขึ้น
- ผิวพรรณไม่สดใส เกิดริ้วรอย และหย่อนคล้อย
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคหลอดเลือดหัวใจ
- อาจนำไปสู่โรคมะเร็งในช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้
สารต้านอนุมูลอิสระ ทำงานอย่างไร?
สารต้านอนุมูลอิสระสามารถป้องกันความเสียหายบางส่วนที่เกิดจากอนุมูลอิสระได้ โดยการปรับโครงสร้างอนุมูลอิสระให้เป็นกลาง ระบบต่างๆ ในร่างกายจึงทำงานได้อย่างปกติ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระว่ามีส่วนช่วยบำรุงร่างกายได้ดังต่อไปนี้
สารต้านอนุมูลอิสระบำรุงสายตา
เมื่ออายุมากขึ้น ก็จะเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจุดรับภาพเสื่อมตามวัย (Age-related macular degeneration หรือ AMD) มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่จุดรับภาพชัดในจอประสาทตาเสื่อมลง และเป็นสาเหตุของการตาบอดในผู้สูงอายุที่พบได้บ่อยที่สุดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม สารต้านอนุมูลอิสระประกอบด้วยวิตามินซีและวิตามินอี ที่ช่วยบำรุงสายตา ลดโอกาสการเกิดโรคทางตา และช่วยรักษาให้ดวงตายังคงมองเห็นได้อย่างยาวนานอีกด้วย
สารต้านอนุมูลอิสระบำรุงหัวใจ
มีการวิจัยพบว่าผู้ที่รับประทานผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระนั้น สามารถช่วยบำรุงหัวใจ และลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยในอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระนั้น กลับให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในอาหารเสริมด้วย ทำให้การวิจัยที่เกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระกับโรคหัวใจนั้นยังอยู่ในระหว่างการศึกษาต่อไป
สารต้านอนุมูลอิสระบำรุงผิว
สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีและวิตามินอีนั้น มีส่วนช่วยในการบำรุงผิว และชะลอวัย ทำให้อาหารเสริม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของวิตามินทั้งสองตัวนี้อยู่ด้วย เพราะวิตามินซีสามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ช่วยให้จุดด่างดำดูจางลง ในขณะที่วิตามินอีช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้น และลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวได้
สารต้านอนุมูลอิสระบำรุงเส้นผม
สารต้านอนุมูลอิสระสามารถบำรุงหนังศีรษะ และเส้นผมได้ตั้งแต่โคนจรดปลาย เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระนั้น จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนในรูขุมขน ทำให้สารอาหารสามารถเข้าสู่หนังศีรษะได้ดีขึ้น เมื่อหนังศีรษะได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ ก็จะส่งผลให้เส้นผมมีสุขภาพดี นุ่มสลวย มีความแข็งแรง และไม่ขาดง่ายนั่นเอง
สารต้านอนุมูลอิสระต้านทานโรค
การทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง อาจลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ได้ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระจะขับไล่อนุมูลอิสระให้ออกจากเซลล์ และช่วยลดความเสียหายจากการที่เซลล์ถูกทำลายได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษามากมายที่บ่งบอกว่าสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยต้านทานโรค เช่น ไลโคปีนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ลูทีนช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา และการรับรู้ต่างๆ ได้
รวม 9 แหล่งอาหาร อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
หลังจากที่ได้ทราบถึงประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระกันไปแล้ว มาดูกันว่าอาหารประเภทใดบ้างที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อให้เลือกทานได้อย่างถูกต้อง และได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
- วิตามินเอ
วิตามินชะลอวัย อย่างวิตามินเอมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา พร้อมทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และความการเติบโตของกระดูก สามารถพบวิตามินเอปริมาณมากได้ในมันเทศ แครอท ผักบุ้ง ผักคะน้า นม ตับ และไข่แดง เป็นต้น - วิตามินซี
วิตามินซี เรียกได้ว่าเป็นวิตามินต้านแก่ เพราะสามารถช่วยบำรุงผิว ลดริ้วรอย ช่วยให้กระดูกแข็งแรง อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือด และโรคมะเร็งได้ ซึ่งวิตามินซีนั้นจะพบได้มากในผลไม้ เช่น ส้ม กีวี่ ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี สับปะรด มะม่วง และในผักอย่างบรอกโคลี ผักโขม พริก เป็นต้น - วิตามินอี
วิตามินอีมีความสำคัญต่อระบบประสาท และระบบสืบพันธุ์ อีกทั้งยังช่วยให้สมอง เลือด และผิวหนังมีสุขภาพดีอีกด้วย โดยสามารถพบวิตามินอีได้ในน้ำมันพืช อะโวคาโด ถั่ว ธัญพืช เป็นต้น - ไลโคปีน
ไลโคปีนมีส่วนช่วยป้องกันผิวหนังจากแสงแดด ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยบำรุงหัวใจ และอาจลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอกบางชนิดได้ ไลโคปีนจะพบมากในผักผลไม้ที่มีสีแดง เช่น มะเขือเทศ แตงโม แอปริคอต ส้มโอสีชมพู ฝรั่งไส้แดง เป็นต้น - ฟลาโวนอยด์
ฟลาโวนอยด์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากกลุ่มพืช ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยในเรื่องความจำ และช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ อาหารที่อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์ ได้แก่ ชา ชาเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว ไวน์แดง หัวหอม แอปเปิล เป็นต้น - ซีลีเนียม
ซีลิเนียมช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ ช่วยให้ร่างกายมีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้อีกด้วย โดยจะพบสารตัวนี้ได้ในอาหารทะเล เครื่องในสัตว์ เนื้อไม่ติดมัน และธัญพืชไม่ขัดสี - เบตาแคโรทีน
เบตาแคโรทีนช่วยให้ดวงตาสดใส ชะลอความเสื่อมของดวงตา และมีส่วนช่วยในการลดความเสียหายจากอาการไวต่อแสงของผู้ที่เป็นโรคเลือดได้ เป็นสารที่พบได้มากในผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง สีส้ม เช่น ฟักทอง แครอท มะม่วงสุก แอปริคอต แคนตาลูป เป็นต้น - ลูทีน
ลูทีนขึ้นชื่อในเรื่องการบำรุงสุขภาพสายตา ช่วยให้เม็ดสีจอประสาทตาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกรองแสงได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความจำ สุขภาพหัวใจ และสุขภาพผิวให้ดีขึ้นได้อีกด้วย โดยลูทีนมักจะพบมากในผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักคะน้า ถั่วลันเตา และข้าวโพด เป็นต้น - โอเมก้า 3
โอเมก้า 3 สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้หลายชนิด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น รวมถึงยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ และสุขภาพของเด็กได้อีกด้วย โดยจะพบโอเมก้า 3 ปริมาณมากได้ในเนื้อปลา อาหารทะเล น้ำมันตับปลา น้ำมันรำข้าว เป็นต้น
สารต้านอนุมูลอิสระ กับโทษที่ต้องรู้
หากคิดว่ามื้ออาหารที่ทานมายังได้รับสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอ การทานอาหารเสริมชะลอวัยก็เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบาย โดยอาหารเสริมมีให้เลือกด้วยกันหลายชนิด เช่น อาหารเสริมวิตามินเอ ซี อี ซีลีเนียม และประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากถึง 70–1,660% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน จึงแนะนำให้ผู้ที่ทานอาหารเสริมสารต้านอนุมูลอิสระควรศึกษาฉลากผลิตภัณฑ์ และปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับสารมากเกินไป และอาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้นั่นเอง
ที่มา : lovelyeyeclinic
Facebook Comments